รู้หรือไม่ ดอกไม้งามสีชมพูในรูปนี้ไม่ใช่ซากุระ แล้วมันเป็นดอกอะไรกัน ???

ดอกบ๊วย บัมปะกุโคเอ็น (Expo 70) โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น


คงเป็นที่งุนงง สับสนไม่น้อยสำหรับท่านที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงประมาณกลางเดือนมีนาคม แล้วโชคดีเจอต้นไม้ออกดอกเป็นพุ่มสีชมพูทั้งต้นสวยงามต้น คงไม่แปลกที่ถ้าท่านจะอุทานออกมาว่า “เห่ย ซากุระบานแล้ว” แต่เดี๋ยวนะครับ ดูดี ๆ เช็คข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกครั้ง เขาอาจจะบอกว่าซากุระยังไม่บาน มาถึงจุดนี้ท่านคงสับสนไม่น้อยว่าดอกไม้ที่เห็นคือดอกอะไร ในบทความนี้เราจะมารีวิววิธีดูดอกไม้สีชมพูพวกนี้กันว่า ที่จริงแล้วมันคืออะไร

ดอกซากุระ ดอกไม้ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคนทั้งโลก โดยสถิติแล้วดอกซากุระที่ประเทศญี่ปุ่นมักจะบานช่วงปลายมีนาคมจนถึงต้นเมษายน แต่อย่างไรก็ตามบางพื้นที่ เช่น โอกินะวะ ซึ่งอยู่ทางใต้ของญี่ปุ่น ซากุระอาจบานก่อนที่อื่น กลับกันกับฮ็อคไกโด ซึ่งอยู่ทางเหนือ ดอกซากุระแถวนี้จะบานช้ากว่าที่อื่น
ลักษณะ ดอกบ๊วย ดอกท้อ ดอกซากุระ
http://kiyotakakubo.hatenablog.com

แต่ก่อนที่ดอกซากุระจะบาน ในช่วงปลายกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนมีนาคม ต้นบ๊วยจะผลิดอกบานให้ชมความงามก่อนใครซึ่งมีทั้งสีขาว สีแดง และสีชมพูซึ่งทำให้ดูสับสนกับดอกซากุระ และต้นบ้วยบางต้นก็บานช้า ช้าซะจนไปคาบเกี่ยวกับช่วงซากุระบาน นอกจากดอกบ๊วย และดอกซากุระแล้วก็ยังมีดอกท้อที่มีสีชมพูชวนสับสน ไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติอย่างเรา ๆ ที่จะสับสน คนญี่ปุ่นเจ้าถิ่นเองบางคนยังไม่สามารถแยกดอกว่าดอกไหนคือ ซากุระ บ๊วย หรือ ท้อ

ลักษณะดอกซากุระ
https://www.shuminoengei.jp
วิธีการแยกแยะดอกไม้สีชมพูพวกนี้แบบง่าย ๆ ในอันดับแรกเลยคือดูที่กลีบดอกครับ ถ้ากลีบดอกกลมจะเป็นดอกบ๊วย ถ้าปลายกลีบเรียวแหลมจะเป็นดอกท้อ ส่วนซากุระปลายกลีบจะแยกเป็นแฉกครับ

อันดับต่อมาลองดูก้านดอกนะครับ ถ้าเป็นดอกซากุระจริง ๆ ก้านจะยาว แต่ถ้าเป็นพวกดอกบ๊วยหรือดอกท้อก้านจะสั้นครับ


ลักษณะดอกท้อ
https://www.shuminoengei.jp
ลักษณะช่อดอกก็เป็นอีกอย่างที่สามารถบอกได้นะครับ โดยทั่วไปดอกบ๊วยจะมีลักษณะบานออกมาเป็นดอกเดี่ยว ๆ ส่วนดอกท้อแทงดอกออกมาเป็นคู่ ส่วนซากุระในหนึ่งตาจะมีดอกแตกออกมาเป็นช่อครับ

แต่ไม่ว่าดอกบ๊วย ซากุระ หรือดอกท้อ ทั้งหมดก็มีความสวยงามในแบบของมันนะครับ ขอให้สนุกกับการชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่นนะครับ



ลักษณะดอกบ๊วย
https://www.shuminoengei.jp

สำหรับรูปดอกไม้ที่รูปแรกด้านบนเพจนี้ เป็นรูปดอกบ๊วย ถ่ายจาก Expo'70 Commemorative Park ที่โอซาก้าครับ







Share:

ประกาศแล้ว ตัวการ์ตูนที่ถูกเลือกเป็นมาสคอตโตเกียวโอลิมปิค 2020 คือ ….

นอกจากโลโก้แล้ว มาสคอตก็เป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคทุกครั้ง ที่ช่วยสร้างความประทับใจ ภาพแห่งความทรงจำของการแข่งขันกีฬาระดับโลกนี้ และสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ประเทศญี่ปุ่นได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในปี 2020 ที่จะถึงนี้ ทางเจ้าภาพได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่การโหวดโลโก้ จนถึงการโหวดมาสคอตโดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาจาก 4,150 โรงเรียน

จากผลงานส่งประกวดที่มากมาย มาสคอต 3 ชุดสุดท้ายที่ถูกเลือกให้น้อง ๆ นักเรียนญี่ปุ่นโหวดกัน ได้แก่


มาสคอตชุด A (ชุด ア) มาสคอตสำหรับโตเกียวโอลิมปิคชุด A เป็นตุ๊กตาสีขาวลายตารางสีน้ำเงิน ซึ่งสื่อถึงกีฬาหมากรุกของญี่ปุ่น และยังจินตนาการเพื่อสื่อถึงโลกอนาคตด้วย บุคลิกส่วนตัวจะเป็นพวกอนุรักษ์นิยม แต่ก็ลืมที่จะอัพเดทข้อมูลและข่าวใหม่ เป็นมาสคอตที่มีความเป็นนักกีฬา มีความซื่อสัตย์ และมีความสามารถพิเศษในการหายตัวชะแว๊บไปที่ไหนในชั่วพริบตาส่วนมาสคอตสำหรับพาราลิมปิค เป็นตุ๊กตาลายตารางสีชมพูซึ่งสื่อถึงตารางหมากรุกซากุระ มีบุคลิกเงียบสงบ แต่ทรงพลังพร้อมใช้เมื่อต้องการ มีความแข็งแกร่งจากภายใน และมีใจรักธรรมชาติ มีความสามารถพิเศษสามารถพูดกับหินและลม และเคลื่อนย้ายวัตถุต่าง ๆ เพียงแค่เคาะมัน

มาสคอตชุดนี้ได้รับคะแนนโหต 109,041 คะแนน

มาสคอตชุด B
ชุด B (ชุด イ)
มาสคอตสำหรับโตเกียวโอลิมปิคชุด B เป็นมาสคอตที่เกิดจากไฟและดิน ที่ให้ความอบอุ่นแก่ผืนแผ่นดินญี่ปุ่น ได้รับแรงบันดาลใจจากแมวกวักหรือ

แมวนำโชคของญี่ปุ่น และสุนัขจิ้งจอกของเทพเจ้าอินาริ มีบุคลิกชอบวิ่งไปทั่วอย่างรวดเร็ว แต่ชอบงีบหลับกลางแสงแดด มีพันธกิจที่จะแสดงความตื่นตาตื่นใจและความรุ่มร้อนของงานเทศกาลญี่ปุ่น มีความสามารถพิเศษในการถ่ายทอดพลังงานความสุขให้กับผู้คนโดยใช้หางของมันแตะ

ส่วนมาสคอตสำหรับพาราลิมปิคเป็นมาสคอตที่เกิดจากลมและฟ้าที่นำมาซึ่งฤดูที่แตกต่าง ได้แรงบันดาลใจจากรูปปั้นสุนัขที่เฝ้าศาลเจ้าต่าง ๆ ลักษณะพิเศษเป็นมาสคอตที่เบาดังปุยนุ่นและชอบล่องลอยดั่งปุยเมฆ มีภารกิจที่จะแสดงเสน่ห์แห่งฤดูกาลต่าง ๆ ความสามารถพิเศษคือมีแผงขนคอที่ทำจากเมฆ สามารถสร้างลมฤดูใบไม้ผลิ และสามารถเนรมิตดอกไม้จากต้นไม้ที่ตายแล้ว

มาสคอตชุดนี้ได้รับคะแนนโหต 61,423 คะแนน

มาสคอตชุด C
ชุด C (ชุด ウ)

มาสคอตสำหรับโตเกียวโอลิมปิคชุด C เป็นสุนัขจิ้งจอกที่กระโจนออกมาจากเทพนิยายญี่ปุ่น เป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีลวยลายหินมะกระทะมะ หรือหินรูปเครื่องหมายคอมม่าประดับบนใบหน้า เป็นสุนัขสิ่งจอกที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วรวดเร็วและมีความเป็นนักกีฬาสูง เป็นผู้นำที่ดีและมีมิตรภาพ เป็นมาสคอตที่ได้รับความช่วยเหลือจากพลังงานงานลม

ส่วนมาสคอตสำหรับพาราลิมปิคเป็นมาสคอตตัวแรคคูนที่ใช้ใบไม้ที่อยู่บนหัวสำหรับแปลงร่าง ปกติแล้วจะมีบุคลิกสบาย ๆ แต่ถ้าหากหึกเหิมอยากเป็นนักกีฬาก็เป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่ง มีความสามารถพิเศษในการให้กำลังใจและเชียร์คนรอบข้าง เป็นมาสคอตที่ได้รับความช่วยเหลือจากพลังงานงานจากป่า

มาสคอตชุดนี้ได้รับคะแนนโหต 35,291 คะแนน

จากคะแนนโหวตที่ระบุข้างต้น แน่นอนว่ามาสคอตชุด A ผลงานของทานิกุจิ เรียว ซึ่งได้รับคะแนนโหวตอย่างถล่มทลาย ก็ได้รับเลือกเป็นมาสคอตของการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิค 2020อย่างเป็นทางการ โดยเด็ก ๆ บางส่วนให้เหตุผลว่าที่เลือกมาสคอตชุดนี้เพราะมันดูเท่ห์ และสื่อถึงความแข็งแกร่งอีกด้วย

Share:

โตเกียวทาวเวอร์ หอคอยสีส้มสูงใหญ่ คู่ฟ้าใสกรุงโตเกียว

เที่ยวโตเกียวทาวเวอร์ Tokyo Tower ประเทศญี่ปุ่น
Pic from Pexel.com

โตเกียวทาวเวอร์ (東京タワー) หอคอยรูปตัวเอที่ถูกออกแบบมาโดยได้รับแรงบันดาลจากหอไอเฟลฝรั่งเศส ตั้งตระง่านโดดเด่นบนแผ่นดินเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นด้วยความสูง 332.9 เมตร ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2501 และสีส้มขาวที่สะดุดตา ที่ถูกทาให้สอดคล้องกับข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยความปลอดภัยทางอากาศ

นับตั้งแต่หอคอยแห่งนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2501 หรือ ค.ศ. 1958 หอคอยแห่งนี้ก็รับบทพระเอกในวงการส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุของญี่ปุ่น มีสถิติระบุไว้ในเว็บไซต์ทางการของโตเกียวทาวเวอร์ว่ามีนักท่องเที่ยวได้มาเยือนหอคอยแห่งนี่แล้ว 170 ล้านคน ในปี ค.ศ. 2013

เที่ยวโตเกียวทาวเวอร์ Tokyo Tower ประเทศญี่ปุ่น
Pic by mrsiraphol-freepik.com

นอกจากภารกิจทางด้านการสื่อสารมวลชนแล้ว หอคอยแห่งนี้ยังจัดพื้นที่สำหรับผู้มายืนได้พักผ่อนหย่อนใจชมทิวทัศน์มหานครในมุมสูงที่ระดับ 150 เมตร (MAIN DESK) และ 250 เมตร (TOP DESK) และเมื่อไม่นานมานี้ ในมี 2015 พื้นที่บางส่วนของหอคอยแห่งนี้ได้ถูกจัดแบ่งให้พื้นที่สำหรับแฟนคลับการ์ตูนวันพีช ให้ชื่อโซนว่า TOKYO ONE PIECE TOWER โดยมีการจัดการแสดง มีร้านค้า และร้านอาหารที่ถูกตกแต่งให้เข้ากับธีมการ์ตูนดังเรื่องนี้

ล่าสุดลานชมวิวชั้นบนสุดที่ระดับ 250 เมตร หรือ TOP DESK ได้มีการบูรณะใหม่ และมีงานแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดให้ขึ้นไปชมวิวกรุงโตเกียวมุมสูงแบบพาโนราม่ากันอีกครั้งอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2018 นี้เอง

เที่ยวโตเกียวทาวเวอร์ Tokyo Tower ประเทศญี่ปุ่น
Pic from Pexel.com

เมื่อคืนวันผันผ่านไป โตเกียวทาวเวอร์ที่เคยสูงเด่นเกินใครก็เริ่มถูกเทียบรัศมีด้วยตึกสูงน้องใหม่ตึกแล้วตึกเล่ากระจายทั่วกรุงโตเกียว ทำให้หอคอยแห่งนี้ปฏิบัติหน้าที่ส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุได้ไม่ดีอย่างที่เคยเป็น ท้ายที่สุดภารกิจอันยิ่งใหญ่ของหอคอยแห่งนี้ก็ถูกส่งต่อไปยังดาราน้องใหม่รูปร่างสูงโปร่งอย่างโตเกียวสกายทรี จะถูกลดระดับจากพระเอกเป็นพระรองทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์เพียงไม่กี่ช่อง แต่พระเอกเก่าคนนี้ก็ยังคงอยู่ในใจของประชาชนเรื่อยมา

เที่ยวโตเกียวทาวเวอร์ Tokyo Tower ประเทศญี่ปุ่น
Pic from Pexel.com

เวลาเปิดให้บริการ
ลานชมวิวความสูง 150 เมตร
  9:00 - 23:00 น.
  เปิดให้ขึ้นลานชมวิวจนถึง 22.30 น.

ลานชมวิวความสูง 250 เมตร
  9:00 - 22:15 น.
  เปิดให้ขึ้นลานชมวิวจนถึง 22.15 น.

โตเกียววันพีชทาวเวอร์
  10:00 - 22:00 น.
  เปิดให้เข้าจนถึง 21.00 น.

ค่าเข้าชม
ลานชมวิวความสูง 150 เมตร
  - ราคา 900 เยน

ลานชมวิวความสูง 150 เมตร + 250 เมตร
  - ราคา 2800 เยน

โตเกียววันพีชทาวเวอร์พาร์ค
 - จองล่วงหน้า 2,000 เยน
 - ซื้อหน้าพาร์ค 2,200 เยน

โตเกียววันพีชทาวเวอร์พาร์ค+ลานชมวิวความสูง 150 เมตร
 - จองล่วงหน้า 2,900 เยน
 - ซื้อหน้างาน 2,900 เยน

การแสดงของโตเกียววันพีชทาวเวอร์พาร์ค
 - จองล่วงหน้า 3,000 เยน
 - ซื้อหน้าพาร์ค 3,200 เยน

(มีส่วนลดสำหรับนักเรียน และการเข้าชมเป็นหมู่คณะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tokyotower.co.jp/price/en.html
https://onepiecetower.tokyo/ticket/th?lang=en

การเดินทาง
ปักหมุดแผนที่ใน Google Map จากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://goo.gl/maps/w1sd79uptVH2
หากเดินทางมาโดยรถไฟ แนะนำให้ลงที่สถานี Akabanebashi Station (ออกประตู Akabanebashi) หรือ Onarimon Station (ออกประตู 41) หรือสถานี Kamiyacho Station (ออกประตู 2) แล้วเดินตามกูเกิลแมพครับ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีในการเดิน



Share:

โตเกียวสกายทรี ความโมเดิร์นที่แฝงด้วยวัฒนธรรมสมัยเอโดะ


เที่ยวโตเกียวสกายทรี Tokyo Skytree ประเทศญี่ปุ่น
Pic by AYAICE-PhotoAC

โตเกียวสกายทรี (東京スカイツリー) แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของโตเกียวที่พึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2012 เป็นหอคอยที่ถูกบันทึกใน Guinness Book ให้เป็นหอคอย และหอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในโลก (ข้อมูลปี ค.ศ. 2012) มีความสูงถึง 634 เมตร รับหน้าที่เป็นเสาหลักในการส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ภาคพื้นดินแทนโตเกียวทาวเวอร์ที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากการรบกวนของตึกสูงโดยรอบ

นอกจากบทบาทในฐานะหอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์แล้ว หอคอยแห่งนี้ยังมีลานชมวิวที่ระดับความสูง 350 ซึ่งให้ชื่อว่า TOKYO SKYTREE TEMBO DECK และลานชมวิวที่ระดับความสูง 450 เมตร ซึ่งมีชื่อว่า TOKYO SKYTREE TEMBO GALLERIA ที่สามรถชมวิวมหานครได้แบบ 360 องศา และระหว่างลานมวิวทั้งสองชั้น มีทางเดินเชื่อมที่สร้างมาในลักษณะหลอดแก้วโปร่งใสขนาดยาว ซึ่งจะช่วยสร้างจินตนาการให้เหมือนเดินอยู่กลางอากาศ ส่วนด้านล่างของหอคอยจัดเป็นศูนย์การค้าสร้างความเพลิดเพลินในการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้ากับผู้มาเยี่ยมชม

เที่ยวโตเกียวสกายทรี Tokyo Skytree ประเทศญี่ปุ่น
Pic by シロップ-PhotoAC

ในภาพลักษณ์ของหอคอยรูปทรงทันสมัยนี้ ผู้ออกแบบได้ใส่เสน่ห์ของวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นแต่งแต้มความโมเดิร์นแบบตะวันตกด้วยการทำสีหอคอยเป็นสีขาวชนิดพิเศษที่เรียกว่าสีขาวไอจิโระ (藍白) ซึ่งเป็นสีขาวโทนฟ้าคราม กล่าวกันว่าเป็นโทนสีที่อ่อนที่สุดของสีครามที่ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ในอดีตใช้ย้อมผ้า จึงเป็นสีขาวที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ นอกจากนี้ภายในหอคอยเอกยังมีภาพเขียนโบราณสมัยเอโดะประดับตกแต่งอยู่ ตัวอย่างเช่น ภาพเขียนเอโดะฮิโตะเมะซุเบียวบุ บนลานชมวิวระดับ 350 เมตร หรือ TOKYO SKYTREE Tembo Deck

เที่ยวโตเกียวสกายทรี Tokyo Skytree ประเทศญี่ปุ่น
Pic from www.tokyo-skytree.jp
นอกจากสีขาวไอจิโระที่แสดงถึงภูมิปัญญาการย้อมผ้าของญี่ปุ่นแล้ว ไฟประดับในยามค่ำคืนก็ถูกออกแบบให้สื่อถึงศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน โดยชุดไฟประดับหลักนั้นมีสองชุด คือชุดสีม่วงทองที่เรียกว่า มิยะบิ (雅) ไฟสีม่วงที่ส่องสว่างหอคอยแห่งนี้ในยามค่ำคืนเป็นโทนสีม่วงที่เรียกว่าสีม่วงเอะโดะ และไฟกระพริบสีเหลืองทองก็ถูกออกแบบให้แสดงถึงแสงระยิบระยับของทองคำเปลว ส่วนไฟประดับอีกชุดหนึ่งซึ่งเป็นสีฟ้า เรียกว่าชุดอิคิ (粋) ซึ่งเป็นแสงไฟสีฟ้าที่สื่อถึงแม่น้ำสุมิดะ นอกจากแสงไฟหลักสองชุดนี้แล้วยังมีชุดไฟสีอื่น ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนมาสร้างความสวยงามให้กับหอคอยแห่งนี้ สามารถเช็คกำหนดการเปิดไฟประดับได้จากลิงค์ด้านข้างนี้ครับ http://www.tokyo-skytree.jp/th/enjoy/lighting/

เที่ยวโตเกียวสกายทรี Tokyo Skytree ประเทศญี่ปุ่น
Pic from Tokyo Skytree-Facebook.com

เวลาเปิดให้บริการลานชมวิว
8:00 - 22:00 น.
เปิดให้ขึ้นลานชมวิวจนถึง 21.00 น.

ค่าเข้าชมลานชมวิว
ลานชมวิวความสูง 350 เมตร
  - ราคา 2,060 เยน
  - นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถติดต่อซื้อได้ที่เคาน์เตอร์พิเศษบริเวณชั้น4 โตเกียวสกายทรี ตรงทางเข้าด้านทิศตะวันตก

ลานชมวิวความสูง 450 เมตร
  - ราคา 1,030 เยน
  - สามารถติดต่อซื้อได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบนลานชมวิวระดับ 350 เมตร

(มีส่วนลดสำหรับนักเรียน ผู้พิการ และการเข้าชมเป็นหมู่คณะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.tokyo-skytree.jp/th/ticket/

การเดินทาง
ปักหมุดแผนที่ใน Google Map จากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://goo.gl/maps/d6a6Nk2Xtfp
แนะนำให้ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Oshiage Station (Tokyo Skytree) (押上駅 (スカイツリー前)) อ่านว่า สถานีโอะชิอะเกะ สกายทรีมะเอะ นะครับ หรืออาจลงที่Tokyo Skytree Station (とうきょうスカイツリー駅) จากนั้นก็เปิดกูเกิลแมพเดินตามได้เลยครับ

ปล. สถานี Oshiage Station (Tokyo Skytree) กับ Tokyo Skytree Station ชื่อคล้ายกัน แต่คนละสถานี คนละสายกันนะครับ อันแรกจะเป็นของบริษัท Tokyo Metro สาย Hanzomon ส่วนอันหลังเป็นรถไฟสาย Isesaki ของบริษัท Toku ครับ



Share:

เซ็นโซจิ วัดแก่เก่า และเรื่องเล่าจากชาวประมง


วัดเซนโซจิ (浅草寺, Sensoji) หรือวัดคิงริวซังเซนโซจิ (金龍山浅草寺) เป็นวัดชื่อดังตั้งอยู่ในย่านอะซะคุสะ กล่าวกันว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด กล่าวกันว่ามีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี และเป็นวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว เป็นหนึ่งในวัดดังสิบอันดับแรกที่ชาวญี่ปุ่นไปสักการะเพื่อเป็นศิริมงคลในเช้าวันปีใหม่ของทุก ๆ ปี และที่นี่ก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวหลายท่านที่แวะเวียนผ่านมาโตเกียว ต่างไม่พลาดที่จะแวะมาสักการะ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จากรายงานของหนังสือพิมพ์ The Japan Times ในปี ค.ศ. 2014 สถิตินักท่องเที่ยวที่มาเยือนวัดเซนโซจิในแต่ละปี มีจำนวนถึง 30 ล้านคนต่อปี

เที่ยววัดเซนโซจิ ประตูคามินาริ อาซาคุสะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากตัววัดสีแดงสดสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมแล้ว เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดนี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งหลาย คือซุ้มประตูวัดที่มีชื่อว่า คะมินะริมง (雷門) ชื่อแปลว่าประตูสายฟ้า หรือประตูอสุนี ซึ่งมีโคมแดงขนาดใหญ่ สูงถึง 5.5 ม. ชื่อประตูเขียนด้วยอักษรขนาดใหญ่สีดำกรอบขาวเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า 雷門 นอกจากนั้นในบริเวณวัดยังมีเจดีย์ห้าชั้นสีแดง มีร้านรวงตั้งเรียงรายเป็นแถวยาวอยู่หน้าวัดจำหน่ายเครื่องรางของขลัง และสินค้าที่ระลึกสไตล์ญี่ปุ่น และมีศาลเจ้าอะซะคุสะ

เที่ยววัดเซนโซจิ ประตูคามินาริ อาซาคุสะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
Pic by topntp26-freepik.com
วัดเซนโซจิแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับแม่น้ำสุมิดะ มีเรื่องเล่าที่บ่งบอกถึงที่มาของวัดแห่งนี้ว่า ในอดีตช่วงปี ค.ศ. 628 มีชาวประมงสองพี่น้องตระกูลฮะมะคิริ ซึ่งทำมาหากินด้วยการหาปลาบริเวณแม่น้ำสุมิดะ แต่มีวันหนึ่ง ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดสองพี่น้องฮะมะคิริ ไม่สามารถจับปลาได้แม้แต่ตัวเดียว ทั้งสองท้อแท้ถึงขั้นอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ หลังจากอธิษฐานแล้วตั้งใจหาปลาต่อไป ทั้งสองกับพบเจอเรื่องประหลาดใจเมื่อพระพุทธรูปทองคำขนาด 5 นิ้วได้ติดแหที่เขาทั้งสองลากขึ้นมา พี่น้องฮะมะคิริจึงนำพระพุทธรูปไปปรึกษา นายนะคะโมะโตะซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน นายนะคะโมะโตะได้ฟังเรื่องราวจากชายทั้งสอง ได้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์จึงได้ใช้บ้านของตนทำเป็นที่ประดิษฐานถวายพระพุทธรูปกวนอิมองค์นี้

เที่ยววัดเซนโซจิ ประตูคามินาริ อาซาคุสะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
Pic by topntp26-freepik.com
เวลาเปิดทำการ
เมษายน - กันยายน 6:00-17:00 น.
ตุลาคม - มีนาคม   9:30-22:30 น.

ค่าเข้าชม
ฟรี

การเดินทาง
ปักหมุดแผนที่ด้านล่างใน Google Map จากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://goo.gl/maps/AAoRotTStYT2

 สามารถโดยสารรถไฟ Tokyo Metro มาลงที่สถานี Azakusa (浅草駅) ออกสถานีมา เปิดกูเกิลแมพ แล้วเดินตาม แป๊บเดียวถึงครับ




Share:

ปราสาทโอซาก้า สถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่ใจกลางโอซาก้า

เที่ยวปราสาทโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Pic by Mrsiraphol-Freepik.com

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle, 大坂城) สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ตัวปราสาทจริงสร้างขึ้นในสมัยคริสตวรรษที่ 16 เมื่อครั้งโอซาก้าเป็นเมืองใหญ่ทีมีอิทธิพลในญี่ปุ่น โดยคำสั่งของโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ (豊臣 秀吉) ผู้ปกครองพื้นที่ในปี ค.ศ. 1583 โดยเป็นปราสาทแปดชั้น ในจำนวนแปดชั้นนี้มีชั้นใต้ดินสามชั้น มีคูเมืองและกำแพงหินล้อมรอบ โดยหินที่นำมาสร้างกำแพงที่สูงถึงสามสิบเมตรนี้นั้น ได้ถูกนำมาจากทะเลเซะโตะไน (瀬戸内海, Setonai Sea) ที่ห่างไกลออกไปจากตัวปราสาทถึง 100 กิโลเมตร

ปราสาทโอซาแห่งนี้มีสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหลายครั้ง ทั้งในสงครามแย่งชิงอำนาจภายในของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้ผูกผลัดจากมือของตระกูลโทะโยะโทะมิผู้สร้างปราสาทแห่งนี้สู่มือของตระกูลโทะคุกะวะผู้ได้รับชัยชนะในสงครามกลางเมืองครั้งนั้น  นอกจากภัยสงคราม ปราสาทแหงนี้ยังผ่านโศกนาฏกรรมจากภัยธรรมชาติ เกิดเหตุฟ้าผ่าคลังแสงที่ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ในอดีต จึงถูกทิ้งร้างอยู่หลายปี จนกระทั่งได้รับการฟื้นฟูในปี ค.ศ. 1843 แต่ประวัติศาสตร์อันน่าเศร้ายังไม่ได้จบเพียงแค่นี้ ปราสาทที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ถูกทำลายด้วยเปลวเพลิงอีกครั้งในสงครามกลางเมืองในยุคเมจิ และอีกครั้งกับสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่พร้อม ๆ กับเรื่องเศร้าเคล้าคราบน้ำตาทั่วอาณาจักรญี่ปุ่นเมื่อครั้งญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ปราสาทโอซาก้าในฐานะคลังแสงของญี่ปุ่นจึงถูกทำลายล้าง เหลือไว้แต่ความอ้างว้าง เคว้งคว้างกว่า 50 ปี เทศบาลนครโอซาก้าจึงได้เริ่มบูรณะปราสาทแห่งนี้จนแล้วเสร็จปรากฏเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่สวยงามดังปัจจุบัน

เที่ยวปราสาทโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Pic by jannoon028-Freepik.com
ปราสาทแห่งนี้ปัจจุบันได้ถูกกำหนดให้เป็นปูชนียสถานสำคัญของญี่ปุ่น  (特別史跡) เป็นปราสาทสีขาว หลังคาสีเขียว เป็นปราสาทแปดชั้น ในจำนวนนี้เป็นชั้นใต้ดินสามชั้น มีปลาโลมาสีทองแปดตัวอยู่บนจั่วหลังคา ชั้นบนสุดถูกประดับด้วยรูปสลักเสือสีทอง ความงดงามของโลมาและเสือทองเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นอันหนึ่งของปราสาทแห่งนี้ จึงไม่แปลกที่ปราสาทแห่งนี้จะมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่าคินโจ (錦城 หรือ 金城) ซึ่งแปลว่าปราสาททอง ในการบูรณะปราสาทโอซาก้าแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2540 ก็ได้มีการบูรณะปลาโลมาและเสือทองเหล่านี้ให้กลับมาสวยงามดังเดิม

เที่ยวปราสาทโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Pic by jannoon028-Freepik.com

ปัจจุบันภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องราวความเป็นมาของประสาท เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน สามารถขึ้นไปถึงชั้นบนสุด และสามารถเดินมายังระเบียงเพื่อชมวิวมุมสูงของเมืองโอซาก้า ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าชมช่วง 9:00 - 17:00 น. ราคาบัตร 600 เยน สำหรับการเยี่ยมชมบริเวณด้านนอกของปราสาทนั้น เปิดให้เข้าชมฟรี สามารถเดินผาซุ้มประตูทะลุกำแพงเข้าไปฟรี ๆ เดินเล่ายถ่ายรูปได้ฟรี ไม่เก็บค่าตั๋ว เขาจะเก็บค่าตั๋วแค่บริเวณทางเข้าตัวปราสาทจริง ๆ แค่นั้นครับ

ปราสาทโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Pic by jannoon028-Freepik.com
นอกจากความงดงามด้านสถาปัตยกรรม และพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นแล้ว บริเวณโดยรอบแห่งนี้ยังมีธรรมชาติที่สวยยาม สามารถขึ้นไปบริเวณใกล้ ๆ ปราสาท ชะแว๊บไปแถวกำแพงแล้วก้มลงชมวิวคูเมือง ต้นไม้ และตัวเมือง นอกจากนี้บริเวณใกล้ปราสาทยังมีสวนดอกไม้เช่น สวนบ๊วย ต้นซากุระ ที่จะผลิดอกให้ชมความงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

เวลาเปิดทำการ
9:00 - 17:00 น.

ค่าเข้าชม
600 เยน สำหรับเข้าชมภายในตัวปราสาท
ฟรี       สำหรับการชมบริเวณภายนอกปราสาท

การเดินทาง
ปักหมุดแผนที่ใน Google Map จากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://goo.gl/maps/nY3viS5JxQ12

สามารถเดินทางโดยใช้บริการรถไฟใต้ดินสายสีม่วง Tanimachi (谷町線) ลงที่สถานี Tenmabashi (天満橋駅) แล้วออกประตู 3นะครับ หรือจะออก Tanimachi-4-chome (谷町4丁目駅) แล้วเดินออกประตู 1-B

หรืออาจใช้บริการรถไฟใต้ดินสายสีเขียว Chuo (中央線) ลงที่สถานี Tanimachi-4-chome (谷町4丁目駅) แล้วเดินออกประตู 9 หรือลงที่สถานี Morinomiya (森ノ宮駅 ) แล้วออกประตู 1 หรือ 3-B

หากใช้บริการรถไฟใต้ดินสายสีเขียวอ่อน Nagahori-tsurumi-ryokuchi (長堀鶴見緑地線) ให้ลงทีสถานี Morinomiya (森ノ宮駅) แล้วเดินออกประตู 3-B หรือสถานี Osaka Business Park (大阪ビジネスパーク駅) และออกประตู 1

ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟ JR ให้ลงที่สถานี Osakajokoen Station (大阪城公園駅)



Share:

วัดน้ำใส วัดใหญ่ที่เกือบได้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เที่ยววัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
Pic by jannoon028-Freepik.com
วัดคิโยมิซุ วัดพุทธในเกียวโตอีกแห่งหนึ่งที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO โดยมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 778 โดยการสร้างของซาุไร ชื่อ ซะกะโนะอุเอะ โนะ ทะมุระมะโระ (坂上 田村麻呂, Sakanoue no Tamuramaro) และการสร้างอาคารไม้หลังใหญ่พร้อมระเบียงกว้างโดยโชกุนโทะขุกะวะ อิเอะมิสึ (徳川 家光, Tokugawa Iemitsu) ในปี ค.ศ. 1633 นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าญี่ปุ่นจะผ่านแผ่นดินไหวมาแล้วกี่ครั้ง แต่อาคารไม้ซึ่งสร้างโดยไม่ใช้ตะปูหลังนี้ ยังคงยึดหยัดอย่างแข็งแกร่งหลงเหลือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังจนถึงทุกวันนี้ ความยิ่งใหญ่ ความสวยงาม เทคนิคการสร้างและความแข็งแรงของอาคารหลังนี้ ครั้งหนึ่งจึงถูกเสนอชื่อให้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเข้ารอบ 21 สถานที่สุดท้ายในปี ค.ศ. 2007 ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเกียวโตที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนจะต้องมาแวะเยี่ยมชมความงาม

วัดแห่งนี้นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังเป็นสถานที่ชมวิวเมืองตัวเกียโตจากมุมสูงอีกที่หนึ่งด้วย เป็นสถานที่ชมใบไม้แดงที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงจะมีการฉายไฟประดับอย่างสวยงามในช่วงหัวค่ำ นอกจากนี้ถนนคนเดินที่เชื่อมยาวจากถนนสายหลักไปยังประตูวัดแห่งนี้ ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีอาคารร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่นตั้งเรียงราย จำหน่ายของฝากของที่ระลึก ซึ่งหลายๆ ร้านเอาขนมมาตั้งให้แขกที่มาแวะเยี่ยมชมร้านชิมกันฟรี ๆ ด้วยความมั่นใจว่ารสชาติ และเอกลักษณ์ของสึขนมที่นีต้องทำให้ลูกค้าผู้ลิ้มลองติดใจ และต้องซื้อหอบกลับบ้านไปฝากคนที่คิดถึงแน่นอน โดยเฉพาะขนมนะมะยะสึฮะชิ (生八ッ橋, Namayatsuhashi ) ขนมรูปทรงสามเหลี่ยมแบน ๆ ทำด้วยแป้งเหนียวนุ่มหนึบหนับ สอดใส้ต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ค่อย ๆ ชิม ค่อย ๆ เลือกนะครับ

เที่ยววัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
Pic from Baltana.com
ชื่อวัดคิโยมิซุ (清水) ถ้าแปลตามตัวอักษรแล้วจะแปลว่า วัดน้ำใส หรือน้ำบริสุทธิ์ (清 แปลว่า บริสุทธิ์ และ 水 แปลว่า น้ำ)โดยที่มาของชื่อนี้มาจากน้ำตกด้านล่างของอาคารหลักที่มีน้ำใสไหลเป็นสาย เชื่อกันว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์หากดื่มกินน้ำที่ตกลงมานี้จะทำให้จะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา มีเรื่องเล่าอยู่ว่า น้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบโดยพระภิกษุ เค็นชิน (賢心, Kenshin) ซึ่งได้ออกตามหาเนื่่องจากฝันว่ามีชายแก่บอกให้เดินทางออกตามหาน้ำตก พร้อมกับการค้นพบน้ำตกตามนิมิตรในฝัน ภิกษุเค็นชินได้พบกับภิกษุเกียวเอโกะจิ (行叡居士, Gyoekoji)ซึ่งได้ชี้แจงแก่ภิกษุเค็นชินว่าน้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จงสลักไม้เป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นภิกษุเกียวเอโกะจิก็หายวับไปกับตา ทำให้ภิกษุเค็นชินเชื่อว่าแท้จริงแล้วภิกษุเกียวเอโกะจิเป็นร่างจำแลงของเจ้าแม่กวนอิม จึงได้สลักรูปแกะสลักตามคำแนะนำ และได้จำวัดอยู่ ณ ที่นั้น จนกระทั่ง 2 ปีต่อมา ภิกษุเค็นชินได้แสดงเทศนาแก่ซามุไรซะกะโนะอุเอะ ซึ่งได้มาล่าสัตว์ ณ บริเวณนี้ จนซามุไรซะกะโนะอุเอะเลี่ยมใส สร้างวัดถวายรูปสลักเจ้าแม่กวนอิม ให้ชื่อวัด วัดคิโยะมิซุ

เที่ยววัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
Pic by jannoon028-Freepik.com

นอกจากความเชื่อเรื่องน้ำบริสุทธิ์และ วัดแห่งนี้ยังมีหินทำนายรัก (恋占い石) ซึ่งเป็นหินสองก้อนลักษณะเหมือนรูปด้านล่างนี้วางห่างกัน เชื่อกันว่าถ้าหากใครหลับตาแล้วเดินไปกลับระหว่างหินสองก้อน แล้วเอามีแตะหินได้ คนนั้นจะพบกับรักแท้ ก้อนหินสองก้อนนี้จะวางอยู่ด้านหลังวิหารใหญ่ และที่ระเบียงของอาคารหลัก เชื่อกันว่าหากใครกระโดดลงจากระเบียงนี้แล้วไม่เห็นไร สิ่งที่หวังไว้จะเป็นจริง มีบันทึกว่ามีการกระโดดแล้ว 234 ครั้ง และ 85.4% ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างไรก็ตามความเชื่อที่เสี่ยงอันตรายนี้ก็ถูกห้ามในปัจจุบัน

เที่ยววัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
Pic by Rayline119-PhotoAC

เวลาเปิดทำการ
6:00 - 18:00 น.

ค่าเข้าชม
600 เยน

การเดินทาง
ปักหมุดแผนที่ใน Google Map จากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://goo.gl/maps/yXwP6np3VpE2
ถ้าเดินทางจากสถานีเกียวโต สามารถขึ้นรสบัสสีเขียว ๆ หน้าสถานี สาย 100 หรือ 206 ลงที่ป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi แล้วเปิดกูเกิลแมพเดินตามได้เลยครับ



Share: