![]() |
Pic from www.expo70-park.com |
สวนบัมปะกุคิเน็นโคเอ็นแห่งนี้ เดิมที่เป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้าระดับโลก หรืองาน Expo ในปี ค.ศ. 1970 งานแสดงสินค้าระดับโลกที่จัดเป็นครั้งแรกในเอเซีย มีประเทศต่าง ๆ ร่วมออกบูธ รวมมากกว่า 75 บูธ หลังจากเสร็จงาน สถานที่แห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ๆ หลาย ๆ อย่าง จนกระทั่งสุดท้ายเปลี่ยนเป็นสวนขนาดใหญ่ให้ประชาชนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ และยังมีมรดกบางอย่างจากงาน Expo ที่หลงเหลือประดับประดาอยู่ อาทิ ระฆังไทย ในบริเวณที่เคยเป็นบูธประเทศไทย ถ้าวันไหนมีลมพัดผ่าน จะได้ยินเสียงระฆังดังกรุ้งกริ้งอย่างไพเราะ รู้ได้เลยว่าเสียงนี้มาจากระฆังบริเวณที่เคยเป็นบูธของประเทศไทยครับ นอกจากนี้ยังมีหอคอยพระอาทิตย์ที่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้ และพิพิธภัณฑ์ที่บอกเลาเรื่องราวประวัติของสวนแห่งนี้ครับ
![]() |
Pic by Nat Sakol |
หอคอยพระอาทิตย์ หรือ Tower of the Sun (太陽の塔) หอคอยทรงตุ๊กตาสีขาวตัวใหญ่ หน้ากลม ส่วนสูง 65 เมตร ความกว้างช่วงแขนหรือปีก 25 เมตร ออกแบบโดยโอะกะโมะโตะ ทาโร่ (岡本 太郎) หอคอยแห่งนี้จะมีใบหน้าอยู่สามใบหน้า คือใบหน้าที่อยู่บนส่วนหัวเรียกว่า Golden Mask ใบหน้ากลางลำตัวเรียกว่า Face of the Sun และใบหน้าสีดำบนแผ่นหลังเรียกว่า Black Sun ภายในตัวหอคอยเคยเป็นสถานที่ที่ใช้จัดนิทรรศการเมื่อครั้งจัดงาน Expo มีการจัดแสดงผลงานศิลปะผลงานของ Tsuburaya Productions (円谷プロダクション) ที่ให้ชื่อว่า "Tree of Life" ที่บอกเล่าเรื่องราววิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แตน่าเสียดายว่าปัจจุบันหอคอยแห่งนี้ถูกปิดไว้ไม่เปิดให้เข้าชมงานนิทรรศการที่อยู่ภายใน
![]() |
Pic by Nat Sakol |
ปัจจุบันสวนแห่งนี้ได้เปิดต้อนรับผู้เยี่ยมชมทกเพศทุกวัย ทั้งหนุ่มสาวจนถึงผู้สูงอายุ มีสนามกว้าง มีสวนดอกไม้ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม จะมีสวนดอกบ๊วยบานเป็นสีชมพูสดใส พอถึงเมษายนจุดเด่นของสวนจะเปลี่ยนมาเป็นดอกซากุระ ที่มีต้นซากุระประมาณ 5,000 ต้นผลิดอกเบ่งบานพร้อมกัน นับเป็นสถานที่ชมดอกซากุระชื่อดังแห่งหนึ่งในโอซาก้า ทีสามารถมาชมความงามได้ทั้งกลางวัน และกลางคืนซึ่งจะมีการเปิดไฟสีประดับอย่างสวยงาม
ตามมาด้วยทุ่งดอกทิวลิปในช่วงกลางถึงปลายเดือนเมษายน และยังมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่สวยสุก ๆ ในช่วงกลางวัน และในยามค่ำคืนของเดือนปลายพฤษภาคม ถึงต้นมิถุนายน ในสวนญี่ปุ่นแห่งนี้หิ่งห้อยบินว่อนให้ชม หากใครที่ชื่นชอบดอกกุหลาบมาก ๆ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนก็จะมีสวนกุหลาบที่มรกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ให้ชมกันครับ เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนในเดือนมิถุนายน ดอกไฮเดรเยียสีม่วง สีฟ้าจะเบ่งบานพร้อมกันเป็นพุ่มสวยงาม มีสระบัวในเดือนกรกฎาคม และทุ่งดอกทานตะวันช่วงเดือนสิงหาคม ทุ่งดอกป๊อบปี่สีเหลือง ชมพู แดงขาว ในเดือนตุลาคม และในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูไม้ร่วง ที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีดอกไม้เดือน ๆ อีกมากมาย ชมรูป และรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้ครับ http://www.expo70-park.jp/flower/
![]() |
Pic by Nat Sakol |
นอกจากสวนที่มีต้นไม้ ดอกไม้ ลานหญ้ากว้าง ให้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ปัจจุบันด้านหน้าของสวนแห่งนี้ได้จัดทำเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีชิงช้าสวรรค์วงใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น (ข้อมูลปี 2017) มีธีมปาร์คของโปเกม่อน มีร้านกันดั้ม ที่มีหุ่นยนต์กันดั้มขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าร้าน มีสวนสัตว์ในร่มชื่อ Nifrel ที่มีบรรดาสัตว์น้ำสัตว์บกหลายอย่างที่อาจหาชมได้ยากจากเมืองไทย มีร้านค้าร้านอาหาร และแหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังมากมาย
เวลาเปิดทำการ
9:-30 - 17:30 น.
เปิดให้เข้าจนถึง 16.30 น.
(อาจขยายเวลาเข้าชมในช่วงเทศกาลต่าง ๆ อาทิ เทศกาลหิ่งห้อย)
ค่าเข้าชม
250 เยน
การเดินทาง
ปักหมุดแผนที่ Google Map จากลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
https://goo.gl/maps/BH65SYnaq2x
โดยสามารถเดินทางด้วย Osaka Monorail มาลงทีสถานี Bampakukinenkoen ลงปุ้มก็จะเห็นหอคอยพระอาทิตย์ขนาดใหญ่ ก็เดินมุ่งหน้าไปหาหอคอยแห่งนี้ ก็จะเจอประตูทางเข้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น